ในสภาพแวดล้อมด้านการขายที่เคลื่อนไหวรวดเร็วในปัจจุบัน ทีมขายต้องเผชิญกับภาระงานซ้ำซากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกการโทรศัพท์ การอัปเดตข้อมูลในระบบ CRM การติดตามลูกค้าเป้าหมาย และการจัดการติดตามผลแบบแมนนวล นอกจากนี้ หลายองค์กรยังประสบปัญหาเรื่องการจัดการลีดที่ไม่มีประสิทธิภาพ การตอบสนองที่ล่าช้า และข้อมูลลูกค้าที่กระจัดกระจาย งานที่น่าเบื่อเหล่านี้กำลังแย่งเวลาที่มีค่า ซึ่งควรถูกนำไปใช้ในการปิดการขายให้ได้มากที่สุด
แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ช่วย AI สามารถจัดการและจัดการงานยุ่งๆ ของคุณให้เป็นระบบอัตโนมัติได้?
ตัวแทน AI ฝ่ายขายที่สร้างขึ้นบน Microsoft Copilot Studio ซึ่งรวมเข้ากับ Salesforce ในฐานะแหล่งความรู้ และนำไปใช้ใน Microsoft Teams สามารถเปลี่ยนแปลงการดำเนินการขายได้โดยการตอบสนองอัตโนมัติ เรียกค้นข้อมูลเชิงลึกของ CRM แบบเรียลไทม์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว โพสต์บล็อกนี้จะแนะนำการทำงานอัตโนมัติของ AI:
- ปัญหาประจำวันของตัวแทนขายก่อนการทำงานอัตโนมัติของ AI
- วิธีสร้างผู้ช่วย AI ของคุณเองในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
- ประโยชน์ที่จับต้องได้ของการใช้งาน AI ในกระบวนการขายของคุณ
มาเริ่มกันเลย!
ความท้าทายในแต่ละวันของพนักงานขายก่อนมีระบบอัตโนมัติด้วย AI
ก่อนที่จะมีระบบอัตโนมัติด้วย AI วันทำงานทั่วไปของพนักงานขายมักเป็นแบบนี้:
เสียเวลาโดยที่ไม่ทันรู้ตัว: รายงานความคืบหน้าสำหรับผู้บริหารที่ต้องทำแบบแมนนวล
ทุกสัปดาห์ (หรือบางครั้งแทบทุกวัน) หัวหน้าทีมหรือฝ่ายบริหารจะสอบถามข้อมูลเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เช่น:
- “เรายังอยู่ในเป้าหมายของไตรมาสนี้ไหม?”
- “อัตราการปิดการขายเดือนนี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน?”
- “เราทำดีลหลุดไปกี่ดีล และเพราะอะไร?”
- “เราคาดว่าจะปิดยอดรายได้ได้เท่าไรในเดือนนี้?”
- “ดีล X ปิดไปหรือยัง?”
และนี่คือปัญหา: การดึงข้อมูลมาทำรายงานใช้เวลานานมาก
นักวิเคราะห์ข้อมูลและทีมปฏิบัติการต้องเสียเวลาถึง 6 – 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขุดหาข้อมูลจากสเปรดชีตและ Salesforce ซึ่งเวลานี้ควรถูกใช้ไปกับการวางกลยุทธ์ มากกว่าการจัดการข้อมูล
เมื่อรายงานพร้อม ข้อมูลก็มักจะล้าสมัยไปแล้ว ทำให้ผู้นำต้องตัดสินใจจากข้อมูลของสัปดาห์ก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ทีมต่าง ๆ อาจดึงข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ทำให้เกิดความสับสน เช่น “ทำไมตัวเลข Pipeline ของทีม Operations ถึงไม่ตรงกับของทีม Sales?”
ผลลัพธ์ที่ตามมา: การตัดสินใจล่าช้า พลาดโอกาสสำคัญ และทีมงานเกิดความไม่พอใจ
หลุมดำแห่งประสิทธิภาพการทำงาน: ระบบที่ไม่เชื่อมต่อและข้อมูลที่กระจัดกระจาย
พนักงานขายต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงต่อวันเหมือนกำลังเป็นนักสืบ คอยไล่ตามข้อมูลจากหลายช่องทาง ได้แก่:
- Salesforce (ข้อมูลจากระบบ CRM)
- อีเมล (การสื่อสารและติดตามกับลูกค้า)
- MS Teams / Google Chat (การอัปเดตและพูดคุยภายในทีม)
- สเปรดชีต (รายงานที่จัดทำด้วยมือเพื่อเก็บข้อมูลภายใน)
ตัวอย่างเช่น แม้แต่การหาข้อมูลโอกาสการขายที่ยังไม่ปิดในไตรมาส 2 ก็ต้องทำหลายขั้นตอน:
- ล็อกอินเข้า Salesforce → ตั้งค่ากรองข้อมูล → ส่งออกข้อมูล
- ค้นหาข้อความจากอีเมลต่าง ๆ เพื่อดูการอัปเดตจากลูกค้า
- เลื่อนหาข้อความใน Teams เพื่อดูโน้ตจากภายในและแจ้งอัปเดตล่าสุด
- ลุ้นให้สเปรดชีตที่ใช้ยังเป็นเวอร์ชันล่าสุด
ผลลัพธ์คือ:
- ความสับสนเรื่องเวอร์ชัน: “นี่คือสไลด์/รายงานฉบับสุดท้ายแล้วใช่ไหม?”
- ข้อมูลสำคัญสูญหาย: โน้ตหรือคอมเมนต์สำคัญถูกฝังอยู่ในแชตหรืออีเมล
- ข้อมูลไม่ครบ: ข้อมูลใน Salesforce ยังขาดรายละเอียดสำคัญ
- ดีลล่าช้า: พนักงานขายเสียเวลากับการเรียบเรียงบริบทใหม่
- สรุปในประโยคเดียว: เครื่องมือที่กระจัดกระจาย = การตอบสนองล่าช้า พลาดโอกาส และผู้นำตัดสินใจโดยไร้มุมมองเรียลไทม์ของ pipeline
ต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของการค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง
ทีมขายต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพียงเพื่อตามหาคำตอบของคำถามง่าย ๆ เช่น:
- “ดีลกับบริษัท X คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
- “ตอนนี้เราขายแพ็กเกจคลาวด์ตัวไหนอยู่บ้าง?”
ปัญหาคือ:
- พนักงานขายต้องพึ่งพาข้อมูลที่ล้าสมัย และเสี่ยงต่อการนำเสนอผิดพลาดจนเสียดีล
- เพื่อนร่วมงานโดนรบกวนบ่อยครั้งจากคำถามพื้นฐาน
- ทีม presales และที่ปรึกษาต้องเข้าประชุมมากเกินไป เพียงเพื่อยืนยันข้อมูลให้ทีมขาย
ผลที่ตามมา:
- พลาดโอกาส เพราะพนักงานขายเสนอผลิตภัณฑ์ที่เลิกขายไปแล้วให้กับลูกค้า
- ทีมขายต้องรอคำตอบจากวิศวกร, presales หรือทีมพัฒนาธุรกิจ ทำให้กระบวนการขายช้าลง
- พนักงานขายรู้สึกหงุดหงิด เพราะต้องกลายเป็นนักสืบคอยหาข้อมูลล่าสุด แทนที่จะได้โฟกัสกับการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ
วิธีสร้างผู้ช่วย AI ด้านการขายด้วยระบบ Low-Code (ทีละขั้นตอน)
ขั้นตอนที่ 1: เชื่อมต่อ Copilot Studio กับ Salesforce
- ไปที่ Copilot Studio (เครื่องมือสร้างแชท AI แบบ low-code ของ Microsoft)
- เพิ่ม “Salesforce” เป็นแหล่งความรู้เพื่อดึงข้อมูล CRM (เช่น โอกาสทางการขาย, บัญชีลูกค้า ฯลฯ)
- เพิ่ม “ไฟล์ PDF” ของผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดเป็นแหล่งความรู้ด้านข้อมูลการขาย
ขั้นตอนที่ 2: ออกแบบบทสนทนาโดยใช้ AI
ใช้หน้าจอแบบลากและวางของ Copilot Studio เพื่อสร้างเวิร์กโฟลว์ AI เช่น:
.png?width=508&height=414&name=unnamed%20(9).png)
- คำถามเกี่ยวกับแพ็กเกจโซลูชัน:
พนักงานขายถามว่า “ข้อเสนอพิเศษของ Azure สำหรับการย้ายโครงสร้างพื้นฐาน/ฐานข้อมูลมีอะไรบ้าง?” แล้ว AI จะตอบกลับว่า:.png?width=588&height=330&name=unnamed%20(10).png)
- การค้นหาข้อมูลใน Salesforce
พนักงานขายถามว่า “โอกาสการขายไหนที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วง 14 วันที่ผ่านมา?” แล้ว AI จะตอบกลับว่า:.png?width=808&height=184&name=unnamed%20(11).png)
ผู้จัดการสามารถตรวจสอบโอกาสการขายที่ไม่มีการอัปเดตเกิน 2 สัปดาห์ได้ภายในไม่กี่วินาที แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงไล่ดูข้อมูลและตารางต่าง ๆ ใน Salesforce
ขั้นตอนที่ 3: ทดสอบและนำไปใช้งาน
หลังจากสร้างกระบวนการสนทนา AI เสร็จแล้ว เราจำเป็นต้องทดสอบบอทก่อนที่จะนำไปใช้งานบน MS Teams คุณสามารถทดสอบบอท AI ได้โดยตรงในหน้าต่าง “Test your agent” ของ Copilot Studio หากไม่เห็นหน้าต่างนี้ ให้คลิกที่ปุ่ม “Test” ที่มุมขวาบนเพื่อเปิดใช้งาน
.png?width=252&height=488&name=unnamed%20(12).png)
เราควรจำลองสถานการณ์การขายจริงด้วยบัญชีผู้ใช้ที่หลากหลาย เช่น ฉันใช้ทั้งบัญชีทำงานจริงและบัญชีทดลอง เพื่อถามคำถามเกี่ยวกับโอกาสทางการขาย เพื่อตรวจสอบการเชื่อมต่อของ Salesforce ในฐานะแหล่งข้อมูล หากข้ามขั้นตอนนี้ไป อาจเกิดปัญหาที่จะกล่าวถึงในภายหลังได้
ต่อมา ทดสอบและฝึก AI โดยใช้คำติชมในรูปแบบภาษาธรรมชาติเพื่อให้ได้คำตอบที่ดีขึ้นและการไหลของบทสนทนาที่ราบรื่นขึ้น
สุดท้าย คุณสามารถนำผู้ช่วย AI ไปใช้งานได้ที่แท็บ “Channels” สำหรับการใช้งานในองค์กร สามารถนำไปติดตั้งบน MS Teams และ Microsoft 365 Copilot ได้เลย
.png?width=828&height=312&name=unnamed%20(13).png)
- คลิกที่ “แก้ไขรายละเอียด” หากคุณต้องการแก้ไขข้อมูลของเอเจนต์ (เช่น เปลี่ยนชื่อเอเจนต์ เพิ่มคำอธิบายสั้น ๆ หรือคำอธิบายยาวของเอเจนต์ เป็นต้น)
- เพื่อเชื่อมต่อและนำไปใช้งานบน MS Teams คุณจะต้องคลิกที่ “ตัวเลือกความพร้อมใช้งาน” จากนั้นคุณจะเห็นหน้าจอดังนี้:
- เลือก “แสดงให้ทุกคนในองค์กรของฉัน” จากนั้นคุณจะเห็นขั้นตอนถัดไป เพียงคลิก “ส่งเพื่อขออนุมัติจากผู้ดูแลระบบ” เพื่อปล่อยใช้งานผู้ช่วย AI ด้านการขายบน MS Teams ได้เลย
.png?width=278&height=402&name=unnamed%20(15).png)
-
ในฐานะผู้ดูแลระบบ Azure/Microsoft คุณจะได้รับแจ้งเตือนว่ามีผู้ใช้ในองค์กรของคุณส่งคำขออนุมัติเพื่อเพิ่มแอปใน Microsoft Teams ของบริษัท
สำหรับการอนุมัติหรือปฏิเสธ ผู้ดูแลระบบจะต้องเข้าสู่ระบบ Microsoft Teams Admin Center (https://admin.teams.microsoft.com/policies/manage-apps).png?width=267&height=289&name=unnamed%20(16).png)
- เมื่อผู้ดูแลระบบอนุมัติแล้ว ทุกคนในองค์กรจะสามารถค้นหาและใช้งานผู้ช่วย AI ด้านการขายบน MS Teams ได้ทันที
.png?width=538&height=336&name=unnamed%20(17).png)
ความท้าท้าที่อาจเกิดขึ้น
Salesforce เป็นฐานความรู้ (การเข้าถึงข้อมูลตามบทบาท/จำกัดสิทธิ์)
เนื่องจาก Salesforce มีข้อมูลที่เป็นความลับสูง เช่น มูลค่าดีล รายชื่อลูกค้า การพยากรณ์ pipeline จึงจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันพิเศษเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลขณะใช้งานผู้ช่วย AI ด้านการขาย ดังนั้น เราอาจต้องพิจารณาวิธีอื่น ๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนทั้งหมด
อันดับแรก ให้เลือกเชื่อมต่อเฉพาะข้อมูลที่มีความอ่อนไหวน้อย ในกรณีนี้ เราเลือกเชื่อมต่อเฉพาะกับข้อมูลโอกาสการขาย (opportunities) และบัญชีลูกค้า (accounts) เท่านั้น โดยข้อมูลส่วนที่เหลือจะไม่ถูกเชื่อมต่อกับผู้ช่วย AI ด้านการขาย
.png?width=696&height=468&name=unnamed%20(18).png)
นอกจากนี้ ควรตั้งค่าการควบคุมการเข้าถึงตามบทบาท (Role-Based Access Control หรือ RBAC) ผ่าน Salesforce โดยเอเจนต์จะสืบทอดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามสิทธิ์ที่ผู้ใช้ใน Salesforce มีอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น พนักงานขายประจำภูมิภาคที่ถามว่า “แสดงโอกาสการขายทั้งหมดในไตรมาส 2 ให้ฉันดู” จะสามารถเห็นดีลได้เฉพาะที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าถึงเท่านั้น
สิทธิ์ของ Salesforce บน MS Teams
ระวังข้อผิดพลาด “Access denied” (ปฏิเสธการเข้าถึง) หากบทบาทหรือบัญชีผู้ใช้ไม่ได้รับการซิงค์อย่างถูกต้อง หรือไม่ได้รับสิทธิ์ให้ใช้ผู้ช่วย AI ด้านการขายบน MS Teams เอเจนต์จะสืบทอดสิทธิ์ของผู้ใช้ใน Salesforce connector บน Teams
คุณสามารถเข้าไปที่ Power Automate (make.powerautomate.com) มองหาเมนู “Connections” ที่แผงด้านซ้าย (1) จากนั้นค้นหา “Salesforce” ในแถบค้นหาที่มุมขวาบน (2) หลังจากนั้นคลิกที่ปุ่ม “...” (3)
.png?width=979&height=275&name=unnamed%20(19).png)
จากนั้นคุณจะเห็นเมนูแบบเลื่อนลง ให้คลิกที่ “แชร์” และจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา ให้แชร์สิทธิ์การเข้าถึงกับกลุ่มที่คุณต้องการให้สามารถเข้าถึงข้อมูล Salesforce ได้
.png?width=653&height=286&name=Blog%207%20-%20How%20to%20Build%20a%20Sales%20AI%20Assistant%20with%20Copilot%20Studio%20%26%20Salesforce%20(Low-code).png)
หากข้ามขั้นตอนนี้ไป สมาชิกในองค์กรของคุณจะติดอยู่ในวงจรของกระบวนการนี้และไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Salesforce เพื่อค้นหาข้อมูลโอกาสการขายได้เลย เหมือนกับภาพที่แสดงด้านล่างนี้
.png?width=304&height=561&name=unnamed%20(20).png)
การอัปโหลดไฟล์เป็นแหล่งความรู้: ความสับสนจากข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง
เราเข้าใจว่าคนแต่ละคนมีวิธีการจัดเก็บเอกสารที่แตกต่างกัน เช่น คุณอาจมีแม่แบบสไลด์นำเสนอที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งแม่แบบเหล่านี้อาจสร้างความสับสนให้กับเอเจนต์ AI ทำให้เอเจนต์ไม่สามารถดึงคำตอบที่ถูกต้องกลับไปยังผู้ใช้ได้ ส่งผลให้ความแม่นยำและความสม่ำเสมอของ AI ลดลงอย่างมาก
ดังนั้น หนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เอเจนต์ AI ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง คือการให้คำแนะนำหรือคำสั่งกับเอเจนต์ เช่น:
คุณคือผู้ช่วยฝ่ายขาย เมื่อผู้ใช้สนทนากับคุณ คุณควรเข้าใจ แปลความหมาย และค้นหาคำตอบที่ถูกต้องจากฐานความรู้ที่เชื่อมต่ออยู่
ตอบผู้ใช้ด้วยข้อความสั้น กระชับ และสรุปใจความสำคัญ พร้อมหัวข้อของแต่ละคำตอบให้เป็นตัวหนา
ตัวอย่างเช่น:
ผู้ใช้: ผมอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษของ Azure
คุณควรเข้าใจว่าผู้ใช้ถามเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษของ Azure ดังนั้นควรตอบแบบนี้:
ACE Sales Agent:
รายละเอียดข้อเสนอพิเศษของ Azure
บริการฟรี:
- การประเมิน: ประเมินโครงสร้างพื้นฐานและความพร้อมสำหรับคลาวด์
- การย้ายและติดตั้งฟรี: ร่วมกับ GoPomelo และ Microsoft Global Support
- ค่าบริการ Azure เดือนแรกฟรี: สำหรับลูกค้า SMB ที่ใช้บริการ Azure เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
- การติดตั้ง AI ฟรี: ติดตั้ง Azure AI Agents โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
คุณสมบัติที่ได้รับ:
- ลูกค้าใหม่ (SMB) ที่ใช้ Azure ขั้นต่ำ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (สัญญา 12 เดือน)
- ข้อเสนอนี้ใช้ได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2025
ประโยชน์:
- ตัวแทนสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- การประมวลผลเอกสารอัจฉริยะ
- การแปล การถอดเสียง และบอทเสียงแบบเรียลไทม์
- แอปเว็บและมือถือสมัยใหม่ที่ผสาน AI
- สำหรับธุรกิจที่พร้อมจะนวัตกรรมด้วย AI
- สำหรับลูกค้าที่ปรับปรุงระบบเดิมโดยผสาน AI
คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้ที่โหนด “Create generative answers”
.png?width=608&height=306&name=unnamed%20(21).png)
ประโยชน์: ผู้ช่วย AI ด้านการขายเปลี่ยนแปลงองค์กรของคุณอย่างไร
เมื่อผู้ช่วย AI ถูกนำไปใช้งานแล้ว จะมอบประโยชน์ดังนี้:
1. สำหรับผู้นำองค์กร: การตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ไม่มีจุดบอดอีกต่อไป
- มองเห็น pipeline ทันที: ถามคำถามด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น “แสดงการครอบคลุม pipeline ไตรมาส 2 ตามภูมิภาคเทียบกับเป้าหมาย” และได้รับข้อมูล Salesforce สดภายในไม่กี่วินาที ไม่ต้องรอรายงานรายสัปดาห์ รายสองสัปดาห์ หรือรายเดือนอีกต่อไป
- การพยากรณ์ที่แม่นยำ: ขจัดการเดาสุ่มด้วยอัตราการชนะ ดีลที่อยู่ในแต่ละขั้นตอน และการคาดการณ์รายได้ที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง
- การปกป้องรายได้: ตรวจจับความเสี่ยง เช่น ดีลที่ล้าสมัย หรือช่องว่างในภูมิภาค ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อเป้าหมาย
2. สำหรับทีมขาย: คืนเวลาทำงานรายเดือน เพื่อมุ่งเน้นการขายและการนำเสนอ
- เลิกทำรายงานด้วยมือ: AI สรุปข้อมูลที่สามารถคัดลอกไปวางในสไลด์นำเสนอได้ และส่งอีเมลสรุปโดยอัตโนมัติ (ทำได้ผ่าน Power Automate หรือ Flows ใน Copilot Studio)
- เข้าถึงข้อมูลด้วยตัวเอง: ถามคำถามเช่น “ราคาล่าสุดของแพ็กเกจ AI Document Intelligence คืออะไร?” ใน MS Teams และได้รับคำตอบจาก Salesforce/ไฟล์ PDF ในเวลาน้อยกว่า 1 นาที (เทียบกับการค้นหานาน 15 นาทีครั้งก่อน)
- มุ่งเน้นการขาย: ใช้เวลาน้อยลงกับสเปรดชีต = มีเวลามากขึ้นสำหรับการโทรหาลูกค้าและการดำเนินการดีล
- สิ้นสุดการถูกรบกวนซ้ำ ๆ: ทีม presales และที่ปรึกษาใช้เวลาน้อยลงกับการยืนยันรายละเอียดพื้นฐาน เช่น “โซลูชันนี้ยังใช้งานได้อยู่ไหม?” หรือ “เรายังขายแพ็กเกจนี้ได้ไหมถ้าลูกค้าต้องการแผนราคาถูกกว่า?”
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: เวลาที่ว่างขึ้นสามารถนำไปใช้กับการพัฒนาซอฟต์แวร์ งานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การเสริมศักยภาพการขาย เป็นต้น
- การทำงานร่วมกันแบบข้ามฝ่าย: ทุกคนทำงานบนข้อมูลสดชุดเดียวกัน ลดปัญหาความสับสนเรื่องเวอร์ชัน
4.รายได้และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
- ความเร็วในการปิดดีลที่สูงขึ้น: ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและเรียลไทม์ช่วยลดความล่าช้าในการเจรจาและการอนุมัติ
- อัตราการชนะสูงขึ้น: พนักงานขายนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม พร้อมราคาล่าสุดและกรณีการใช้งานที่อัปเดต
- การฝึกอบรมที่ขยายผลได้: พนักงานใหม่เรียนรู้และเริ่มงานได้เร็วขึ้นด้วยโค้ช AI ที่ช่วยแนะนำเรื่องนโยบาย กระบวนการ และแพ็กเกจต่าง ๆ
ข้อเสนอจาก GoPomelo
เราพัฒนาและติดตั้งผู้ช่วย AI ด้านการขายที่ออกแบบเฉพาะสำหรับองค์กรของคุณ เปลี่ยนวิธีการทำงานของทีม ด้วยการผสมผสานพลังของ Microsoft Copilot Studio ระบบ low-code บัญชี Salesforce ของคุณ และเอกสารการขายเฉพาะทาง ให้เป็นผู้ช่วยที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา เรามีบริการดังนี้:
- พัฒนาผู้ช่วย AI ด้วยระบบ Low-Code – สร้างผู้ช่วย AI ด้านการขายที่ออกแบบเฉพาะด้วย Microsoft Copilot Studio
- การรวมฐานความรู้แบบไร้รอยต่อ – เชื่อมต่อไฟล์ PDF/สไลด์นำเสนอแพ็กเกจการขาย (แผ่นข้อมูลผลิตภัณฑ์ ราคา ฯลฯ) เพื่อให้พนักงานขายเข้าถึงโซลูชันล่าสุดได้เสมอ พร้อมอ้างอิงคำตอบจากข้อมูลสดใน Salesforce (บัญชีลูกค้า การพยากรณ์ โอกาสขาย) เพื่อความแม่นยำแบบเรียลไทม์
- การเข้าถึงรวมใน Microsoft Teams – เปิดให้ใช้คำสั่งแบบภาษาธรรมชาติ เช่น “ขอโอกาสขาย 3 อันดับแรกในเดือนนี้” และนำผู้ช่วยไปใช้งานในแพลตฟอร์มที่ทีมของคุณใช้อยู่แล้ว คือ Microsoft Teams พร้อมตัวเลือกผสานรวมกับ MS Copilot เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน


Twitter
Youtube