“คุณทราบหรือไม่ว่ามีลูกค้าจำนวนเท่าใดที่คุณต้องสูญเสียไปจากการยกเลิกการซื้อของบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ?”
การยกเลิกการซื้อของบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ สามารถอธิบายถึงสถานการณ์ที่ผู้ใช้ออนไลน์เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์และออกจากหน้านั้นก่อนที่จะทำการซื้อสินค้าที่พวกเขาใส่ไว้ในรถเข็น ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการเช็คเอาต์ หลังจากลูกค้าเข้าถึงขั้นตอนการทำธุรกรรมการจ่ายเงิน จากการวิจัยของ Baymard พบว่ามีการยกเลิกการซื้อของบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมากถึง 41% เนื่องจากกระบวนการเช็คเอาต์ของเว็ปอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ไม่มีประสิทธิภาพขาดคุณสมบัติที่สำคัญๆไป เช่น การป้อนหรือเติมข้อความอัตโนมัติของที่อยู่ ดังนั้นสิ่งนี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จำนวนการยกเลิกคำสั่งซื้อนั้นเพิ่มขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซหลายคนอาจประสบปัญหาเดียวกันในการพิมพ์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องโดยไม่ตั้งใจลงในแบบฟอร์มของที่อยู่ ดังนั้นสิ่งนี้มีผลต่อกระบวนการจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังบ้านของลูกค้า
ตัวอย่าง การบริการไปรษณีย์ของสหรัฐอเมริการายงานว่ามี จำนวน 6.8 ล้านรายการที่ไม่สามารถจัดส่งได้ตามที่อยู่ที่ให้มาโดยผู้ส่ง “Undeliverable As Addressed” (UAA) ในปีงบประมาณ 2559
เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อกระบวนการชำระเงินหรือทำธุรกรรมการซื้อของอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมค้าปลีกนั้นจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์ม Google Maps ให้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น!
4 อันดับฟีเจอร์ ที่ให้ประโยชน์กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและรีเทลของคุณ
1. การทำ Autocomplete สำหรับที่อยู่บนคำค้นหา
ฟีเจอร์การเติมข้อความอัตโนมัติหรือ Autocomplete ใน Maps JavaScript API ทำให้แอปพลิเคชั่นของคุณสามารถเข้าถึงพฤติกรรมการค้นหาในช่องการค้นหาแผนที่ของ Google Maps โดยเมื่อป้อนที่อยู่ลงบนหน้าเว็ปของคุณ การเติมข้อความอัตโนมัติจะเติมข้อมูลที่เหลือโดยอัตโนมัติ ที่อยู่ในรูปแบบของรายการเลือกแบบเลื่อนลงด้านล่าง
ดังนั้นจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเติมข้อความอัตโนมัติเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะสามารถช่วยให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มที่อยู่และกำจัดข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หากคุณได้ลองใช้ตัวฟีเจอร์นี้ ลูกค้าของคุณนั้นก็จะชื่นชอบเว็บไซต์ของคุณอย่างแน่นอน!
นี่คือข้อคิดเห็นของลูกค้าของบริษัทเเห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา…
“ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการช็อปปิ้งและการจัดส่งบนเว็บไซต์นี้เพราะที่อยู่ของฉันนั้นถูกต้อง ดังนั้นมันก็เป็นไปได้ว่าข้อมูลการสั่งซื้อและข้อมูลอื่นๆก็ต้องถูกต้องแม่นยำด้วยเช่นกัน”
2. Asset Tracking
อุตสาหกรรมการบริการขนส่งและจัดส่งสินค้าในช่วงสุดท้าย จะได้รับแผนที่ (Maps) เส้นทาง (Routes) และสถานที่ (Place) สำหรับการติดตามสินทรัพย์ที่สามารถตรวจสอบและกำหนดเส้นทางของสินทรัพย์ทั้งหมดของคุณไปยังถนนได้มากถึง 40 ล้านไมล์ทั่วโลก อีกทั้งสามารถระบุตำแหน่งและแสดงภาพที่พวกเขาอยู่ในเวลาเรียลไทม์ และยังบอกสถานที่ที่เดินทางไปและจับความถี่ในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการติดตามสินทรัพย์นี้ยังสามารถประเมินเวลาการเดินทาง พร้อมกับอัพเดทข้อมูลแบบเรีบลไทม์ด้วยประสิทธิภาพสูง แม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่ซับซ้อนเพียงใดก็ตาม โซลูชันการติดตามทรัพย์สินนี้ช่วยให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการจัดส่งสามารถแนะนำเส้นทางได้ถึง 25 จุด บนสภาวะการจราจรแบบเรียลไทม์ ถ้าหากคุณต้องการกำจัดปัญหาการขนส่งล่าช้า หรือการออกนอกเส้นทางของคนขับรถ Google Maps Platform สามรถช่วยคุณได้! ท้ายที่สุดมันอาจจะเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มความภักดีให้กับลูกค้าในเว็บไซต์ของคุณได้อีกด้วย
3.การจัดการยานพาหนะ (Fleet management) กับการกำหนดรหัสพิกัด (Geocoding)
Google Maps API ช่วยให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการจัดส่งสินค้าสามารถเข้าถึงสถานที่ตั้งของยานพาหนะและบริเวณใกล้เคียงไปยังสถานที่จัดส่ง
Geocoding API เป็นกระบวนการแปลงที่อยู่เป็นพิกัดทางภูมิศาสตร์ในแง่ของละติจูดและลองจิจูดที่สอดคล้องกับสถานที่ คุณสามารถปักหมุด Place Marker บนแผนที่ได้
นอกจากนี้ยังสามารถใช้กระบวนการกำหนดรหัสพิกัดย้อนกลับ Reverse Geocoding เป็นภาษาที่มนุษย์สามารถอ่านได้ไปยังสถานที่เหล่านั้น รวมทั้งเพิ่มข้อมูลที่เป็นประโยชน์เช่น เขตเวลาทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
Place Sessions API สามารถส่งคืนข้อมูลผู้ใช้ในระยะใกล้ถึงสถานที่ เมื่อรวม API ทั้งสองตัวนี้จะสามารถตรวจพบตำแหน่งยานพาหนะและยานพาหนะทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่อยู่จัดส่ง
4.ค้นหาเส้นทางที่สั้นที่สุดโดยการติดตามจราจรแบบ Live traffic
การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบโลจิสติกนั้นสามารถประหยัดทรัพยากรในแง่ของเงินและเวลา อีกทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งได้โดยการวางกลยุทธ์วางแผนการจัดการยานพาหนะไว้ล่วงหน้า
Directions Advanced API ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ หรือการจราจรก่อนหน้านี้ เพื่อให้ได้เส้นทางที่สั้นและปลอดภัยที่สุด
จำไว้เลยว่า คุณสามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าสูงสุดด้วยการบริหารจัดการการขนส่งให้ถึงเร็วมากที่สุด!
“ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ บริษัทของคุณทำงานร่วมกับแพลตฟอร์ม Google Maps?”
“What will happen when your companies integrate with Google Maps Platform?”
Improving productivity and efficiency in the delivery process
Honestbee อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและบริการจัดส่งสินค้าและอาหารออนไลน์ที่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการจัดส่ง ในแง่ของผู้ขับขี่และผู้มอบหมายงานนั้นเป็นวัตถุประสงค์หลักของพวกเขา นอกจากนี้บริษัทยังมีเป้าหมายที่จะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดและสะดวกที่สุดในเอเชีย Honestbee นั้นจึงหันมามองหาบริการทำแผนที่ของ Google Maps Platform และเริ่มใช้แพลตฟอร์ม Google Maps เพื่อสร้างแผนที่บนเว็บที่แสดงที่ตั้งของคนขับรถและตำแหน่งส่งมอบสินค้า
Google Distance Matrix API ใช้ในการสร้างเครื่องยนต์ซึ่งทำการส่งคนขับโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่การส่งมอบที่ซับซ้อนมากๆ แผนที่บนเว็บที่สร้างขึ้นด้วย Google Maps Javascript API จะควบคุมและจัดการคนขับรถหรือคนส่งชองให้เหมาะสมกับลูกค้า
เพื่อรักษาลูกค้าไว้และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า การจัดส่งที่รวดเร็วที่สุดเป็นบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำแผนที่บนคลาวด์ที่แม่นยำนี้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าปลีกจึงจำเป็นที่จะต้องลดระยะเวลาการส่งสินค้าเพื่อสร้างลูกค้าประจำบนเว็บไซต์
Google Maps Platform Results
- ได้ก่อตั้งธุรกิจการบริการขนส่งของชำ 4 เมืองในเอเชีย
- ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดส่งและคนขับรถ
- ลดระยะเวลาการขนส่งด้วย Google Maps Platform
“การใช้ Google Maps เราได้สร้างแพลตฟอร์มโลจิสติกส์เพื่อช่วยให้เรากลายเป็นผู้บริการจัดส่งของชำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยแพลตฟอร์มนี้เรากำลังขยายธุรกิจและวางแผนที่จะเติบโต โลจิสติกส์และแผนที่เป็นหัวใจสำคัญของสิ่งที่เราทำอยู่ การมี Google Maps นั้น เราสามารถปรับเปลี่ยนการดำเนินงานของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ "
—Jonathan Low, รองประธานฝ่ายวิศวกรรมและผู้ร่วมก่อตั้ง, Honestbee