Blog | GoPomelo

วิธีสร้างผู้ช่วย AI สำหรับฝ่ายขายด้วย Copilot Studio และ Salesforce

เขียนโดย Zhi Yin Ching - 2 ก.ค. 2025, 0:00:00

ในสภาพแวดล้อมด้านการขายที่เคลื่อนไหวรวดเร็วในปัจจุบัน ทีมขายต้องเผชิญกับภาระงานซ้ำซากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกการโทรศัพท์ การอัปเดตข้อมูลในระบบ CRM การติดตามลูกค้าเป้าหมาย และการจัดการติดตามผลแบบแมนนวล นอกจากนี้ หลายองค์กรยังประสบปัญหาเรื่องการจัดการลีดที่ไม่มีประสิทธิภาพ การตอบสนองที่ล่าช้า และข้อมูลลูกค้าที่กระจัดกระจาย งานที่น่าเบื่อเหล่านี้กำลังแย่งเวลาที่มีค่า ซึ่งควรถูกนำไปใช้ในการปิดการขายให้ได้มากที่สุด

แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ช่วย AI สามารถจัดการและจัดการงานยุ่งๆ ของคุณให้เป็นระบบอัตโนมัติได้?

ตัวแทน AI ฝ่ายขายที่สร้างขึ้นบน Microsoft Copilot Studio ซึ่งรวมเข้ากับ Salesforce ในฐานะแหล่งความรู้ และนำไปใช้ใน Microsoft Teams สามารถเปลี่ยนแปลงการดำเนินการขายได้โดยการตอบสนองอัตโนมัติ เรียกค้นข้อมูลเชิงลึกของ CRM แบบเรียลไทม์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน โดยไม่ต้องเขียนโค้ดแม้แต่บรรทัดเดียว โพสต์บล็อกนี้จะแนะนำการทำงานอัตโนมัติของ AI:

  1. ปัญหาประจำวันของตัวแทนขายก่อนการทำงานอัตโนมัติของ AI
  2. วิธีสร้างผู้ช่วย AI ของคุณเองในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
  3. ประโยชน์ที่จับต้องได้ของการใช้งาน AI ในกระบวนการขายของคุณ

มาเริ่มกันเลย!

ความท้าทายในแต่ละวันของพนักงานขายก่อนมีระบบอัตโนมัติด้วย AI

ก่อนที่จะมีระบบอัตโนมัติด้วย AI วันทำงานทั่วไปของพนักงานขายมักเป็นแบบนี้:

เสียเวลาโดยที่ไม่ทันรู้ตัว: รายงานความคืบหน้าสำหรับผู้บริหารที่ต้องทำแบบแมนนวล

ทุกสัปดาห์ (หรือบางครั้งแทบทุกวัน) หัวหน้าทีมหรือฝ่ายบริหารจะสอบถามข้อมูลเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เช่น:

  • “เรายังอยู่ในเป้าหมายของไตรมาสนี้ไหม?”
  • “อัตราการปิดการขายเดือนนี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน?”
  • “เราทำดีลหลุดไปกี่ดีล และเพราะอะไร?”
  • “เราคาดว่าจะปิดยอดรายได้ได้เท่าไรในเดือนนี้?”
  • “ดีล X ปิดไปหรือยัง?”

และนี่คือปัญหา: การดึงข้อมูลมาทำรายงานใช้เวลานานมาก

นักวิเคราะห์ข้อมูลและทีมปฏิบัติการต้องเสียเวลาถึง 6 – 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขุดหาข้อมูลจากสเปรดชีตและ Salesforce ซึ่งเวลานี้ควรถูกใช้ไปกับการวางกลยุทธ์ มากกว่าการจัดการข้อมูล

เมื่อรายงานพร้อม ข้อมูลก็มักจะล้าสมัยไปแล้ว ทำให้ผู้นำต้องตัดสินใจจากข้อมูลของสัปดาห์ก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ทีมต่าง ๆ อาจดึงข้อมูลที่ขัดแย้งกัน ทำให้เกิดความสับสน เช่น “ทำไมตัวเลข Pipeline ของทีม Operations ถึงไม่ตรงกับของทีม Sales?”

ผลลัพธ์ที่ตามมา: การตัดสินใจล่าช้า พลาดโอกาสสำคัญ และทีมงานเกิดความไม่พอใจ

หลุมดำแห่งประสิทธิภาพการทำงาน: ระบบที่ไม่เชื่อมต่อและข้อมูลที่กระจัดกระจาย

พนักงานขายต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงต่อวันเหมือนกำลังเป็นนักสืบ คอยไล่ตามข้อมูลจากหลายช่องทาง ได้แก่:

  • Salesforce (ข้อมูลจากระบบ CRM)
  • อีเมล (การสื่อสารและติดตามกับลูกค้า)
  • MS Teams / Google Chat (การอัปเดตและพูดคุยภายในทีม)
  • สเปรดชีต (รายงานที่จัดทำด้วยมือเพื่อเก็บข้อมูลภายใน)

ตัวอย่างเช่น แม้แต่การหาข้อมูลโอกาสการขายที่ยังไม่ปิดในไตรมาส 2 ก็ต้องทำหลายขั้นตอน:

  • ล็อกอินเข้า Salesforce → ตั้งค่ากรองข้อมูล → ส่งออกข้อมูล
  • ค้นหาข้อความจากอีเมลต่าง ๆ เพื่อดูการอัปเดตจากลูกค้า
  • เลื่อนหาข้อความใน Teams เพื่อดูโน้ตจากภายในและแจ้งอัปเดตล่าสุด
  • ลุ้นให้สเปรดชีตที่ใช้ยังเป็นเวอร์ชันล่าสุด

ผลลัพธ์คือ:

  • ความสับสนเรื่องเวอร์ชัน: “นี่คือสไลด์/รายงานฉบับสุดท้ายแล้วใช่ไหม?”
  • ข้อมูลสำคัญสูญหาย: โน้ตหรือคอมเมนต์สำคัญถูกฝังอยู่ในแชตหรืออีเมล
  • ข้อมูลไม่ครบ: ข้อมูลใน Salesforce ยังขาดรายละเอียดสำคัญ
  • ดีลล่าช้า: พนักงานขายเสียเวลากับการเรียบเรียงบริบทใหม่
  • สรุปในประโยคเดียว: เครื่องมือที่กระจัดกระจาย = การตอบสนองล่าช้า พลาดโอกาส และผู้นำตัดสินใจโดยไร้มุมมองเรียลไทม์ของ pipeline

ต้นทุนที่ซ่อนอยู่ของการค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง

ทีมขายต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพียงเพื่อตามหาคำตอบของคำถามง่าย ๆ เช่น:

  • “ดีลกับบริษัท X คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
  • “ตอนนี้เราขายแพ็กเกจคลาวด์ตัวไหนอยู่บ้าง?”

ปัญหาคือ:

  • พนักงานขายต้องพึ่งพาข้อมูลที่ล้าสมัย และเสี่ยงต่อการนำเสนอผิดพลาดจนเสียดีล
  • เพื่อนร่วมงานโดนรบกวนบ่อยครั้งจากคำถามพื้นฐาน
  • ทีม presales และที่ปรึกษาต้องเข้าประชุมมากเกินไป เพียงเพื่อยืนยันข้อมูลให้ทีมขาย

ผลที่ตามมา:

  • พลาดโอกาส เพราะพนักงานขายเสนอผลิตภัณฑ์ที่เลิกขายไปแล้วให้กับลูกค้า
  • ทีมขายต้องรอคำตอบจากวิศวกร, presales หรือทีมพัฒนาธุรกิจ ทำให้กระบวนการขายช้าลง
  • พนักงานขายรู้สึกหงุดหงิด เพราะต้องกลายเป็นนักสืบคอยหาข้อมูลล่าสุด แทนที่จะได้โฟกัสกับการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ

วิธีสร้างผู้ช่วย AI ด้านการขายด้วยระบบ Low-Code (ทีละขั้นตอน)

ขั้นตอนที่ 1: เชื่อมต่อ Copilot Studio กับ Salesforce

  • ไปที่ Copilot Studio (เครื่องมือสร้างแชท AI แบบ low-code ของ Microsoft)
  • เพิ่ม “Salesforce” เป็นแหล่งความรู้เพื่อดึงข้อมูล CRM (เช่น โอกาสทางการขาย, บัญชีลูกค้า ฯลฯ)
  • เพิ่ม “ไฟล์ PDF” ของผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดเป็นแหล่งความรู้ด้านข้อมูลการขาย

 

ขั้นตอนที่ 2: ออกแบบบทสนทนาโดยใช้ AI

ใช้หน้าจอแบบลากและวางของ Copilot Studio เพื่อสร้างเวิร์กโฟลว์ AI เช่น:

  1. คำถามเกี่ยวกับแพ็กเกจโซลูชัน:
    พนักงานขายถามว่า “ข้อเสนอพิเศษของ Azure สำหรับการย้ายโครงสร้างพื้นฐาน/ฐานข้อมูลมีอะไรบ้าง?” แล้ว AI จะตอบกลับว่า:

  2. การค้นหาข้อมูลใน Salesforce
    พนักงานขายถามว่า “โอกาสการขายไหนที่ไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วง 14 วันที่ผ่านมา?” แล้ว AI จะตอบกลับว่า:

ผู้จัดการสามารถตรวจสอบโอกาสการขายที่ไม่มีการอัปเดตเกิน 2 สัปดาห์ได้ภายในไม่กี่วินาที แทนที่จะต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงไล่ดูข้อมูลและตารางต่าง ๆ ใน Salesforce

ขั้นตอนที่ 3: ทดสอบและนำไปใช้งาน

หลังจากสร้างกระบวนการสนทนา AI เสร็จแล้ว เราจำเป็นต้องทดสอบบอทก่อนที่จะนำไปใช้งานบน MS Teams คุณสามารถทดสอบบอท AI ได้โดยตรงในหน้าต่าง “Test your agent” ของ Copilot Studio หากไม่เห็นหน้าต่างนี้ ให้คลิกที่ปุ่ม “Test” ที่มุมขวาบนเพื่อเปิดใช้งาน

เราควรจำลองสถานการณ์การขายจริงด้วยบัญชีผู้ใช้ที่หลากหลาย เช่น ฉันใช้ทั้งบัญชีทำงานจริงและบัญชีทดลอง เพื่อถามคำถามเกี่ยวกับโอกาสทางการขาย เพื่อตรวจสอบการเชื่อมต่อของ Salesforce ในฐานะแหล่งข้อมูล หากข้ามขั้นตอนนี้ไป อาจเกิดปัญหาที่จะกล่าวถึงในภายหลังได้

ต่อมา ทดสอบและฝึก AI โดยใช้คำติชมในรูปแบบภาษาธรรมชาติเพื่อให้ได้คำตอบที่ดีขึ้นและการไหลของบทสนทนาที่ราบรื่นขึ้น

สุดท้าย คุณสามารถนำผู้ช่วย AI ไปใช้งานได้ที่แท็บ “Channels” สำหรับการใช้งานในองค์กร สามารถนำไปติดตั้งบน MS Teams และ Microsoft 365 Copilot ได้เลย

  • คลิกที่ “แก้ไขรายละเอียด” หากคุณต้องการแก้ไขข้อมูลของเอเจนต์ (เช่น เปลี่ยนชื่อเอเจนต์ เพิ่มคำอธิบายสั้น ๆ หรือคำอธิบายยาวของเอเจนต์ เป็นต้น)
  • เพื่อเชื่อมต่อและนำไปใช้งานบน MS Teams คุณจะต้องคลิกที่ “ตัวเลือกความพร้อมใช้งาน” จากนั้นคุณจะเห็นหน้าจอดังนี้:
  • เลือก “แสดงให้ทุกคนในองค์กรของฉัน” จากนั้นคุณจะเห็นขั้นตอนถัดไป เพียงคลิก “ส่งเพื่อขออนุมัติจากผู้ดูแลระบบ” เพื่อปล่อยใช้งานผู้ช่วย AI ด้านการขายบน MS Teams ได้เลย
  • ในฐานะผู้ดูแลระบบ Azure/Microsoft คุณจะได้รับแจ้งเตือนว่ามีผู้ใช้ในองค์กรของคุณส่งคำขออนุมัติเพื่อเพิ่มแอปใน Microsoft Teams ของบริษัท
    สำหรับการอนุมัติหรือปฏิเสธ ผู้ดูแลระบบจะต้องเข้าสู่ระบบ Microsoft Teams Admin Center (https://admin.teams.microsoft.com/policies/manage-apps)

  • เมื่อผู้ดูแลระบบอนุมัติแล้ว ทุกคนในองค์กรจะสามารถค้นหาและใช้งานผู้ช่วย AI ด้านการขายบน MS Teams ได้ทันที

ความท้าท้าที่อาจเกิดขึ้น

Salesforce เป็นฐานความรู้ (การเข้าถึงข้อมูลตามบทบาท/จำกัดสิทธิ์)

เนื่องจาก Salesforce มีข้อมูลที่เป็นความลับสูง เช่น มูลค่าดีล รายชื่อลูกค้า การพยากรณ์ pipeline จึงจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันพิเศษเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลขณะใช้งานผู้ช่วย AI ด้านการขาย ดังนั้น เราอาจต้องพิจารณาวิธีอื่น ๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนทั้งหมด

อันดับแรก ให้เลือกเชื่อมต่อเฉพาะข้อมูลที่มีความอ่อนไหวน้อย ในกรณีนี้ เราเลือกเชื่อมต่อเฉพาะกับข้อมูลโอกาสการขาย (opportunities) และบัญชีลูกค้า (accounts) เท่านั้น โดยข้อมูลส่วนที่เหลือจะไม่ถูกเชื่อมต่อกับผู้ช่วย AI ด้านการขาย

นอกจากนี้ ควรตั้งค่าการควบคุมการเข้าถึงตามบทบาท (Role-Based Access Control หรือ RBAC) ผ่าน Salesforce โดยเอเจนต์จะสืบทอดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลตามสิทธิ์ที่ผู้ใช้ใน Salesforce มีอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น พนักงานขายประจำภูมิภาคที่ถามว่า “แสดงโอกาสการขายทั้งหมดในไตรมาส 2 ให้ฉันดู” จะสามารถเห็นดีลได้เฉพาะที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าถึงเท่านั้น

สิทธิ์ของ Salesforce บน MS Teams

ระวังข้อผิดพลาด “Access denied” (ปฏิเสธการเข้าถึง) หากบทบาทหรือบัญชีผู้ใช้ไม่ได้รับการซิงค์อย่างถูกต้อง หรือไม่ได้รับสิทธิ์ให้ใช้ผู้ช่วย AI ด้านการขายบน MS Teams เอเจนต์จะสืบทอดสิทธิ์ของผู้ใช้ใน Salesforce connector บน Teams

คุณสามารถเข้าไปที่ Power Automate (make.powerautomate.com) มองหาเมนู “Connections” ที่แผงด้านซ้าย (1) จากนั้นค้นหา “Salesforce” ในแถบค้นหาที่มุมขวาบน (2) หลังจากนั้นคลิกที่ปุ่ม “...” (3)

จากนั้นคุณจะเห็นเมนูแบบเลื่อนลง ให้คลิกที่ “แชร์” และจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา ให้แชร์สิทธิ์การเข้าถึงกับกลุ่มที่คุณต้องการให้สามารถเข้าถึงข้อมูล Salesforce ได้

หากข้ามขั้นตอนนี้ไป สมาชิกในองค์กรของคุณจะติดอยู่ในวงจรของกระบวนการนี้และไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Salesforce เพื่อค้นหาข้อมูลโอกาสการขายได้เลย เหมือนกับภาพที่แสดงด้านล่างนี้ 

การอัปโหลดไฟล์เป็นแหล่งความรู้: ความสับสนจากข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง

เราเข้าใจว่าคนแต่ละคนมีวิธีการจัดเก็บเอกสารที่แตกต่างกัน เช่น คุณอาจมีแม่แบบสไลด์นำเสนอที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งแม่แบบเหล่านี้อาจสร้างความสับสนให้กับเอเจนต์ AI ทำให้เอเจนต์ไม่สามารถดึงคำตอบที่ถูกต้องกลับไปยังผู้ใช้ได้ ส่งผลให้ความแม่นยำและความสม่ำเสมอของ AI ลดลงอย่างมาก

ดังนั้น หนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เอเจนต์ AI ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง คือการให้คำแนะนำหรือคำสั่งกับเอเจนต์ เช่น:

คุณคือผู้ช่วยฝ่ายขาย เมื่อผู้ใช้สนทนากับคุณ คุณควรเข้าใจ แปลความหมาย และค้นหาคำตอบที่ถูกต้องจากฐานความรู้ที่เชื่อมต่ออยู่

ตอบผู้ใช้ด้วยข้อความสั้น กระชับ และสรุปใจความสำคัญ พร้อมหัวข้อของแต่ละคำตอบให้เป็นตัวหนา

ตัวอย่างเช่น:
ผู้ใช้: ผมอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษของ Azure

คุณควรเข้าใจว่าผู้ใช้ถามเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษของ Azure ดังนั้นควรตอบแบบนี้:

ACE Sales Agent:
รายละเอียดข้อเสนอพิเศษของ Azure
บริการฟรี:

  • การประเมิน: ประเมินโครงสร้างพื้นฐานและความพร้อมสำหรับคลาวด์
  • การย้ายและติดตั้งฟรี: ร่วมกับ GoPomelo และ Microsoft Global Support
  • ค่าบริการ Azure เดือนแรกฟรี: สำหรับลูกค้า SMB ที่ใช้บริการ Azure เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
  • การติดตั้ง AI ฟรี: ติดตั้ง Azure AI Agents โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

คุณสมบัติที่ได้รับ:

  • ลูกค้าใหม่ (SMB) ที่ใช้ Azure ขั้นต่ำ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (สัญญา 12 เดือน)
  • ข้อเสนอนี้ใช้ได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2025

ประโยชน์:

  • ตัวแทนสนับสนุนลูกค้าที่ขับเคลื่อนด้วย AI
  • การประมวลผลเอกสารอัจฉริยะ
  • การแปล การถอดเสียง และบอทเสียงแบบเรียลไทม์
  • แอปเว็บและมือถือสมัยใหม่ที่ผสาน AI
  • สำหรับธุรกิจที่พร้อมจะนวัตกรรมด้วย AI
  • สำหรับลูกค้าที่ปรับปรุงระบบเดิมโดยผสาน AI

คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้ที่โหนด “Create generative answers”

ประโยชน์: ผู้ช่วย AI ด้านการขายเปลี่ยนแปลงองค์กรของคุณอย่างไร

เมื่อผู้ช่วย AI ถูกนำไปใช้งานแล้ว จะมอบประโยชน์ดังนี้:

1. สำหรับผู้นำองค์กร: การตัดสินใจแบบเรียลไทม์ ไม่มีจุดบอดอีกต่อไป

  • มองเห็น pipeline ทันที: ถามคำถามด้วยภาษาธรรมชาติ เช่น “แสดงการครอบคลุม pipeline ไตรมาส 2 ตามภูมิภาคเทียบกับเป้าหมาย” และได้รับข้อมูล Salesforce สดภายในไม่กี่วินาที ไม่ต้องรอรายงานรายสัปดาห์ รายสองสัปดาห์ หรือรายเดือนอีกต่อไป
  • การพยากรณ์ที่แม่นยำ: ขจัดการเดาสุ่มด้วยอัตราการชนะ ดีลที่อยู่ในแต่ละขั้นตอน และการคาดการณ์รายได้ที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง
  • การปกป้องรายได้: ตรวจจับความเสี่ยง เช่น ดีลที่ล้าสมัย หรือช่องว่างในภูมิภาค ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อเป้าหมาย

2. สำหรับทีมขาย: คืนเวลาทำงานรายเดือน เพื่อมุ่งเน้นการขายและการนำเสนอ

  • เลิกทำรายงานด้วยมือ: AI สรุปข้อมูลที่สามารถคัดลอกไปวางในสไลด์นำเสนอได้ และส่งอีเมลสรุปโดยอัตโนมัติ (ทำได้ผ่าน Power Automate หรือ Flows ใน Copilot Studio)
  • เข้าถึงข้อมูลด้วยตัวเอง: ถามคำถามเช่น “ราคาล่าสุดของแพ็กเกจ AI Document Intelligence คืออะไร?” ใน MS Teams และได้รับคำตอบจาก Salesforce/ไฟล์ PDF ในเวลาน้อยกว่า 1 นาที (เทียบกับการค้นหานาน 15 นาทีครั้งก่อน)
  • มุ่งเน้นการขาย: ใช้เวลาน้อยลงกับสเปรดชีต = มีเวลามากขึ้นสำหรับการโทรหาลูกค้าและการดำเนินการดีล
3. สำหรับทีม Presales, ที่ปรึกษา, วิศวกร และฝ่ายปฏิบัติการ: จากผู้ประมวลผลข้อมูลสู่พันธมิตรเชิงกลยุทธ์
  • สิ้นสุดการถูกรบกวนซ้ำ ๆ: ทีม presales และที่ปรึกษาใช้เวลาน้อยลงกับการยืนยันรายละเอียดพื้นฐาน เช่น “โซลูชันนี้ยังใช้งานได้อยู่ไหม?” หรือ “เรายังขายแพ็กเกจนี้ได้ไหมถ้าลูกค้าต้องการแผนราคาถูกกว่า?”
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: เวลาที่ว่างขึ้นสามารถนำไปใช้กับการพัฒนาซอฟต์แวร์ งานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การเสริมศักยภาพการขาย เป็นต้น
  • การทำงานร่วมกันแบบข้ามฝ่าย: ทุกคนทำงานบนข้อมูลสดชุดเดียวกัน ลดปัญหาความสับสนเรื่องเวอร์ชัน

4.รายได้และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น

  • ความเร็วในการปิดดีลที่สูงขึ้น: ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและเรียลไทม์ช่วยลดความล่าช้าในการเจรจาและการอนุมัติ
  • อัตราการชนะสูงขึ้น: พนักงานขายนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม พร้อมราคาล่าสุดและกรณีการใช้งานที่อัปเดต
  • การฝึกอบรมที่ขยายผลได้: พนักงานใหม่เรียนรู้และเริ่มงานได้เร็วขึ้นด้วยโค้ช AI ที่ช่วยแนะนำเรื่องนโยบาย กระบวนการ และแพ็กเกจต่าง ๆ

ข้อเสนอจาก GoPomelo

เราพัฒนาและติดตั้งผู้ช่วย AI ด้านการขายที่ออกแบบเฉพาะสำหรับองค์กรของคุณ เปลี่ยนวิธีการทำงานของทีม ด้วยการผสมผสานพลังของ Microsoft Copilot Studio ระบบ low-code บัญชี Salesforce ของคุณ และเอกสารการขายเฉพาะทาง ให้เป็นผู้ช่วยที่พร้อมใช้งานตลอดเวลา เรามีบริการดังนี้:

  1. พัฒนาผู้ช่วย AI ด้วยระบบ Low-Code – สร้างผู้ช่วย AI ด้านการขายที่ออกแบบเฉพาะด้วย Microsoft Copilot Studio
  2. การรวมฐานความรู้แบบไร้รอยต่อ – เชื่อมต่อไฟล์ PDF/สไลด์นำเสนอแพ็กเกจการขาย (แผ่นข้อมูลผลิตภัณฑ์ ราคา ฯลฯ) เพื่อให้พนักงานขายเข้าถึงโซลูชันล่าสุดได้เสมอ พร้อมอ้างอิงคำตอบจากข้อมูลสดใน Salesforce (บัญชีลูกค้า การพยากรณ์ โอกาสขาย) เพื่อความแม่นยำแบบเรียลไทม์
  3. การเข้าถึงรวมใน Microsoft Teams – เปิดให้ใช้คำสั่งแบบภาษาธรรมชาติ เช่น “ขอโอกาสขาย 3 อันดับแรกในเดือนนี้” และนำผู้ช่วยไปใช้งานในแพลตฟอร์มที่ทีมของคุณใช้อยู่แล้ว คือ Microsoft Teams พร้อมตัวเลือกผสานรวมกับ MS Copilot เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน