Google Maps ที่ทุกคนคุ้นเคยได้ให้บริการมาถึง 13 ปีแล้ว ซึ่งในระยะเวลาที่ผ่านมาได้สร้างความเปลี่ยนแปลงและทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่นำ Google Maps เข้ามาใช้งานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คน รวมไปถึงใช้ในการค้นหาเส้นทางในการเดินทางที่ดีที่สุดในการไปทำงาน หรือจะค้นหาร้านอาหารที่โปรดปราน ค้นหาบ้านในบริเวณที่เราต้องการอยู่อาศัย หรือจะให้ช่วยในการค้นหาเส้นทางที่ดีทีสุดเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัด ซึ่งที่ผ่านมา Google Maps ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไป จึงเป็นที่มาในวันนี้ที่มีการปรับโฉมและการให้บริการใหม่เพื่อให้ทุกท่านได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
ซึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ API ชุดใหม่นี้มีโซลูชั่นที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ มากมายรวมไปถึงยังเป็นตัวที่จะช่วยในการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นอีก โดยเริ่มต้นในเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมาได้มีการออกแบบโซลูชั่นสำหรับกลุ่มธุรกิจ Game นำไปใช้ ให้สามารถสร้างเกมเสหมือนจริงได้ด้วยการใช้งานผ่าน Google Maps ซึ่งถัดจากนั้นก็ได้มีการออกแบบโซลูชั่นให้กับกลุ่มที่ทำธุรกิจด้าน asset tracking และ ride sharing โดยบริษัทที่ทำด้าน ride sharing สามารถนำ Google Maps เข้าไปผนวกรวมกับ application ของตนเองได้เพื่อที่จะใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาประสบการณ์ในการใช้งานให้กับผู้ขับขี่และลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ในด้านของโซลูชั่น asset tracking นั้นก็ได้ช่วยทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นไป โดยสามารถค้นหายานพาหนะและทรัพย์สินของบริษัททั้งหมดได้ในแบบเรียลไทม์ รวมไปถึงการแสดงผลให้เห็นภาพว่าทรัพย์สินเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหนบ้าง และกำหนดเส้นทางที่มีความซับซ้อนมากขึ้นให้กับทริปนั้น ๆ นอกจากนั้นในอนาคต Google Map Platform ก็จะมีการปรับปรุงและออกแบบโซลูชั่นให้เหมาะสมกับภาคธุรกิจให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เริ่มต้นด้วยการทำทุกอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้นโดยมีการนำ API 18 ตัวที่เมื่อก่อนเคยแยกกัน นำมาจัดให้อยู่ใน 3 กลุ่มหลักของโปรดักส์ที่ประกอบไปด้วย Maps, Routes และ Places โดยโปรดักส์หลักเหล่านี้จะช่วยทำการค้นหาและดึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้าสู่ application และ sites ของคุณได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
และเพื่อให้ทุกท่านเกิดความมั่นใจ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่มีการส่งผลกระทบกับ Code ปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ ดังนั้นทุกท่านจึงไม่จำเป็นต้องแก้ไขค่าใด ๆ
แต่ก่อนปัญหาหลักในการเริ่มเข้ามาใช้งานนั้นเป็นเรื่องของความสับสนในรูปแบบราคาของ Maps API ที่จะเลือกนำมาใช้กับ applicaiton ซึ่งในเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้ทำการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกท่าน
โดยรูปแบบ standard และ premium จะถูกรวมไว้ด้วยกันในโปรดักส์หลักและรูปแบบค่าใช้จ่ายได้เปลี่ยนไปเป็นแบบ pay-as-you go หรือจ่ายตามจริง และนอกเหนือจากนั้นนักพัฒนายังได้รับสิทธิการใช้งานฟรี USD 200 เพื่อนำไปใช้งานในทุกเดือน
ด้วยรูปแบบการคิดราคาแบบใหม่นี้จะช่วยลดความสับสนลงไปมากซึ่งจะทำให้การใช้งานง่ายยิ่งขึ้นเพราะนอกจากจะใช้งานแบบจ่ายตามการใช้งานจริงในแต่ละเดือนแล้ว ยังไม่มีการบังคับให้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเริ่มต้นใช้งาน , ค่ายกเลิกสัญญา หรือ มีการจำกัดการใช้งานอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นลูกค้าทุกท่านก็สามารถติดต่อทีมซัพพอร์ตได้ฟรีโดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องซื้อแบบ premium เท่านั้นที่จะติดต่อได้ สุดท้ายนี้ Google Maps ก็ยังได้ทำการ integrated กับ Google Cloud Platform Console ซึ่งจะทำให้ทุกท่านสามารถตรวจสอบการใช้งานหรือบริหารจัดการ projects ต่าง ๆ ได้จากหน้าจอเดียว
นับตั้งแต่ 11 มิถุนายน 2018 นี้เป็นต้นไป ทุกท่านจำเป็นต้องมี API key และ Google Cloud Platform billing account เพื่อใช้ในการเข้าถึงโปรดักส์หลักตัวใหม่นี้ ซึ่งถ้าทุกท่านได้ทำการเปิดใช้งาน account สำหรับ billing แล้ว ก็จะได้รับสิทธิ USD 200 ฟรี เพื่อนำไปใช้งาน Maps Routes และ Places ในทุกเดือน
และด้วย Google Maps’ global infrastructure ที่มีประสิทธิภาพสูงและครอบคลุมการใช้งานในหลายประเทศ ดังนั้นคุณจึงสามารถปรับขยายสเกลได้ตามต้องการโดยไร้กังวล
ถ้าหากปัจจุบันคุณกำลังใช้งาน Google Maps core APIs สามารถดูข้อแนะนำได้ที่ Guide for Existing Users เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น หรือ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถปรึกษาทีมงาน GoPomelo ได้ทันที
บริการใหม่ของ location-based เหล่านี้จะช่วยยกระดับธุรกิจของคุณให้ก้าวล้ำคู่แข่งไปอีกขั้นและทางเรามีความยินดีที่จะช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเพื่อให้คุณได้เลือกใช้โซลูชั่นที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
มาร่วม Workshop กับเราเพื่อวางแผนการใช้งาน location-based services ได้ที่ free Google Maps Workshop.